Export
- Export APA
- Export BibTeX
- Export Ris
Publication: การปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกร ตำบลแจ้ซ้อนอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง
0
0
Resource Type
Language
tha
File Type
application/pdf
Access Rights
Open Access
Rights
Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Maejo University
Suggested Citation
Chayanon Mingsamorns, ชญานนท์ มิ่งสมร การปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกร ตำบลแจ้ซ้อนอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง, Farmers’ Practice An Integrated Agricultural Model, Chaeson Sub-District, Muangpan District, Lampang Province. สืบค้นจาก: https://hdl.handle.net/20.500.14839/568
Research Projects
Organizational Units
Journal Issue
Author(s)
Creator(s)
Advisor(s)
Other Contributor(s)
Abstract
This study was conducted to investigate: 1) knowledge and understanding about an integrated agricultural model of farmer in Chaeson sub-district, Muangpan district, Lampang province 2) an adoption level and practice under the integrated agricultural model of the farmers 3) factors effecting the adoption and practice under the integrated agricultural model and 4) problems encountered and suggestions of the famers. The sample group in this study consisted of 213 farmers in Chaeson sub-district and they were obtained by simple random sampling. A set of questionnaires was use for data collection and analyzed by using the Statistical Package for the Social Sciences Program. The statistical treatment included frequency, percentage, mean, standard deviation and multiple regression (95% reliability).
Results of the study revealed that two-thirds of the respondents were make and 52 years old on average. Most of the respondents were married and elementary school graduates.
They had 4 household members and 2 of them were household workforce on average. They had 3.72 rai of farming area but only 0.57 rai was their true land holding. They earned an income from the agricultural sector for 40,708 and from non-agricultural sector for 8,827 bath per year on average. They had 5.17 years of farming experience and attended a training once a year on average. They joined educational trip, visited agricultural extension staff and the staff visited them once a year on average. The respondents perceived agricultural information 45.36 times a year on average. Most of them had a high level of knowledge and understanding about the integrated agricultural model.
Regarding the management of farming areas, the respondents adopted the integrated agricultural model at a moderate level (=3.40) and the rest were also found at a moderate level (diversity of agricultural activities (=3.01) and contribution among agricultural activities (=3.34)). Besides it was found that there was a significant relationship between the adoption of the integrated agricultural model and the following: income, size of farm land home visit of agricultural extension staff and perception of agricultural information. Other variable had no statistically significant relationship with factors effecting the adoption of the integrated agricultural model
The problems of farmers on integrated farming model, it was found that the problem of soil degradation and have not been updated. Because of the growing variety and the use of chemicals that destroy fertility. Lack of water used in agriculture is not enough. Insect and disease problems in agriculture Farmers also lack the working capital to make integrated farming, farmers lack knowledge about the climate that affect farmers' lack of knowledge and the use of chemicals, a contractor for the plant and farming forms of agriculture. the combination of integrated farming. The issue of land is not enough to make agriculture combination does not yield enough. Prices of agricultural products at low prices, but farmers have a production cost is rather high, and the authorities do not give priority to integrated farming.
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกรตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง 2) เพื่อศึกษาระดับการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกรตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกร 4) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของเกษตรกรต่อการทำเกษตรผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ เกษตรกรตำบลแจ้ซ้อน จำนวนทั้งสิ้น 213 ราย ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (simple random sampling) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามวิเคราะห์ตามวิธีการทางสถิติสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (SPSS) สถิติที่ใช้คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความสัมพันธ์ของตัวแปร (Multiple Regression) ที่ระดับความเชื่อมั่น 95 % ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ผู้ให้ข้อมูลสองในสามเป็นเพศชาย มีอายุ เฉลี่ย 52 ปี ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส มีระดับการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือน เฉลี่ย 4 คน มีแรงงานที่ใช้ในการทำการเกษตร เฉลี่ย 2 คน มีพื้นที่ทำการเกษตร เฉลี่ย 3.72 ไร่ มีลักษณะการถือครองที่ดินของตนเอง เฉลี่ย 0.57 ไร่ และมีขนาดพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด เฉลี่ย 4.35 ไร่ มีรายได้ในภาคการเกษตร เฉลี่ย 40,708 บาทต่อปี มีรายได้นอกภาคการเกษตร เฉลี่ย 8,827 บาทต่อปี มีรายได้รวมทั้งหมด เฉลี่ย 50,197.12 บาทต่อปี มีประสบการณ์ในการทำการเกษตร เฉลี่ยอยู่ที่ 5.17 ปี มีเกษตรกรเคยเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเกษตรผสมผสาน เฉลี่ย 1 ครั้งต่อปี เคยศึกษาดูงานนอกสถานที่เกี่ยวกับเกษตรผสมผสาน เฉลี่ย 1 ครั้งต่อปี มีการเยี่ยมเยือนจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเฉลี่ย 0.71 ครั้งต่อปี มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เฉลี่ย 0.88 ครั้งต่อปี ผู้ให้ข้อมูลได้รับข่าวสารทางการเกษตร เฉลี่ย 45.36 ครั้งต่อปี และผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกษตรผสมผสานอยู่ในระดับมากต่อรูปแบบเกษตรผสมผสาน ด้านการจัดการพื้นที่เกษตรกรผู้ให้ข้อมูลมีการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ระดับปานกลาง ร้อยละ 3.40 ด้านความหลากหลายของกิจกรรมการเกษตรผู้ให้ข้อมูลปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ระดับกลาง ร้อยละ 3.01 ด้านการเกื้อกูลประโยชน์ระหว่างกิจกรรมการเกษตรผู้ให้ข้อมูลปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ระดับปานกลาง ร้อยละ 3.34 ผลการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ กับการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน พบว่า รายได้ จำนวนพื้นที่ทางการเกษตร การเยี่ยมเยือนของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางการเกษตร มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.001 0.010 0.000 และ 0.000 ตามลำดับ ส่วนตัวแปรอื่นๆ พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ไดรับความเชื่อมั่น 95% กับปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ปัญหาอุปสรรคของเกษตรกรที่มีต่อรูปแบบเกษตรผสมผสานนั้นพบว่ามีปัญหาดินเสื่อมสภาพและไม่ได้รับการปรับปรุง เนื่องจากการปลูกหลากหลายชนิด และการใช้สารเคมีที่ทำลายความอุดมสมบูรณ์ของ ดินขาดแหล่งน้ำที่ใช้ในการทำการเกษตรไม่เพียงพอ ปัญหาโรคและแมลงทางการเกษตร และเกษตรกรเองก็ขาดเงินทุนหมุนเวียนในการทำการเกษตรผสมผสานเกษตรกรขาดความรู้ในเรื่องของสภาพดินฟ้าอากาศที่ส่งผลกระทบเกษตรกรขาดความรู้และหลักการใช้สารเคมีที่มีความเหมาสมต่อพืชและการทำเกษตรรูปแบบเกษตรผสมผสานต่อการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปัญหาการมีจำนวนที่ดินไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตรแบบผสมผสานทำให้ไม่ได้ผลผลิตเท่าที่ควร ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีราคาต่ำแต่เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้องสูง และ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ความสำคัญกับการเกษตรผสมผสาน
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกรตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง 2) เพื่อศึกษาระดับการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกรตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสานของเกษตรกร 4) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของเกษตรกรต่อการทำเกษตรผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ เกษตรกรตำบลแจ้ซ้อน จำนวนทั้งสิ้น 213 ราย ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (simple random sampling) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามวิเคราะห์ตามวิธีการทางสถิติสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (SPSS) สถิติที่ใช้คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความสัมพันธ์ของตัวแปร (Multiple Regression) ที่ระดับความเชื่อมั่น 95 % ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ผู้ให้ข้อมูลสองในสามเป็นเพศชาย มีอายุ เฉลี่ย 52 ปี ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส มีระดับการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือน เฉลี่ย 4 คน มีแรงงานที่ใช้ในการทำการเกษตร เฉลี่ย 2 คน มีพื้นที่ทำการเกษตร เฉลี่ย 3.72 ไร่ มีลักษณะการถือครองที่ดินของตนเอง เฉลี่ย 0.57 ไร่ และมีขนาดพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด เฉลี่ย 4.35 ไร่ มีรายได้ในภาคการเกษตร เฉลี่ย 40,708 บาทต่อปี มีรายได้นอกภาคการเกษตร เฉลี่ย 8,827 บาทต่อปี มีรายได้รวมทั้งหมด เฉลี่ย 50,197.12 บาทต่อปี มีประสบการณ์ในการทำการเกษตร เฉลี่ยอยู่ที่ 5.17 ปี มีเกษตรกรเคยเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเกษตรผสมผสาน เฉลี่ย 1 ครั้งต่อปี เคยศึกษาดูงานนอกสถานที่เกี่ยวกับเกษตรผสมผสาน เฉลี่ย 1 ครั้งต่อปี มีการเยี่ยมเยือนจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเฉลี่ย 0.71 ครั้งต่อปี มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เฉลี่ย 0.88 ครั้งต่อปี ผู้ให้ข้อมูลได้รับข่าวสารทางการเกษตร เฉลี่ย 45.36 ครั้งต่อปี และผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกษตรผสมผสานอยู่ในระดับมากต่อรูปแบบเกษตรผสมผสาน ด้านการจัดการพื้นที่เกษตรกรผู้ให้ข้อมูลมีการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ระดับปานกลาง ร้อยละ 3.40 ด้านความหลากหลายของกิจกรรมการเกษตรผู้ให้ข้อมูลปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ระดับกลาง ร้อยละ 3.01 ด้านการเกื้อกูลประโยชน์ระหว่างกิจกรรมการเกษตรผู้ให้ข้อมูลปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ระดับปานกลาง ร้อยละ 3.34 ผลการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ กับการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน พบว่า รายได้ จำนวนพื้นที่ทางการเกษตร การเยี่ยมเยือนของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางการเกษตร มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.001 0.010 0.000 และ 0.000 ตามลำดับ ส่วนตัวแปรอื่นๆ พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ไดรับความเชื่อมั่น 95% กับปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติตามรูปแบบเกษตรผสมผสาน ปัญหาอุปสรรคของเกษตรกรที่มีต่อรูปแบบเกษตรผสมผสานนั้นพบว่ามีปัญหาดินเสื่อมสภาพและไม่ได้รับการปรับปรุง เนื่องจากการปลูกหลากหลายชนิด และการใช้สารเคมีที่ทำลายความอุดมสมบูรณ์ของ ดินขาดแหล่งน้ำที่ใช้ในการทำการเกษตรไม่เพียงพอ ปัญหาโรคและแมลงทางการเกษตร และเกษตรกรเองก็ขาดเงินทุนหมุนเวียนในการทำการเกษตรผสมผสานเกษตรกรขาดความรู้ในเรื่องของสภาพดินฟ้าอากาศที่ส่งผลกระทบเกษตรกรขาดความรู้และหลักการใช้สารเคมีที่มีความเหมาสมต่อพืชและการทำเกษตรรูปแบบเกษตรผสมผสานต่อการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปัญหาการมีจำนวนที่ดินไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตรแบบผสมผสานทำให้ไม่ได้ผลผลิตเท่าที่ควร ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีราคาต่ำแต่เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้องสูง และ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ความสำคัญกับการเกษตรผสมผสาน
Description
Master of Science (Master of Science (Resources Development and Agricultural Extension))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาทรัพยากรและส่งเสริมการเกษตร))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาทรัพยากรและส่งเสริมการเกษตร))
Degree Name
Master of Science
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Discipline
Resources Development and Agricultural Extension
พัฒนาทรัพยากรและส่งเสริมการเกษตร
พัฒนาทรัพยากรและส่งเสริมการเกษตร
Degree Grantor(s)
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
