Export
- Export APA
- Export BibTeX
- Export Ris
Publication: การควบคุมวัชพืชในแปลงลำไย โดยการคลุมดิน
0
0
Resource Type
Language
tha
File Type
application/pdf
Access Rights
Open Access
Rights
Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Maejo University
Suggested Citation
Nutthapong Hongthong, ณัฐพงค์ หงษ์ทอง การควบคุมวัชพืชในแปลงลำไย โดยการคลุมดิน, Weed Control In Longan Orchard By Mulching. สืบค้นจาก: https://hdl.handle.net/20.500.14839/1139
Research Projects
Organizational Units
Journal Issue
Author(s)
Creator(s)
Advisor(s)
Other Contributor(s)
Abstract
Two experiments on weed control in the longan orchard were studied in longan orchard at Maejo University, San Sai District, Chiang Mai Province, Thailand. The experiments were conducted from August 2017 to July 2019.
Experiment 1 was studied to fine out the efficiency of weed control by mulching. The treatments were 1) no mulching (control), 2) mulching with rice husk, 3) mulching with rice straw, and 4) mulching with anti-root plastic. It was found that weeding with anti-root plastic had better weed control than other methods, because no weeds was observed throughout the experiment period. While mulching with rice husk, no mulching and mulching with rice straw showed the amount of dry weeds increased continuously every month, and the dry weight of total weeds (7 months) were 1,226.97, 1,015.24 and 874.87 g/m2, respectively. Mulching with anti-root plastic resulted in the highest soil temperature (42.30 °C) compared to others, which was significantly higher than other methods. While the temperatures at the depths of 10 or 30 centimeters were only slightly different. Mulching causes more soil moisturecontent than no mulching, soil moisture content of mulching by anti-root plastic, rice husk, rice straw and no mulching were 5.54, 4.61, 3.73 and 1.92 percent, respectively. Moreover, it was found that after mulching for 7 months, useful phosphorus content of the rice straw mulching was 214.00 mg/kg which was significantly different from other processes. No mulching or mulching by rice straw and rice husk had more potassium in the soil than anti-root plastic which were 143.25, 156.25, 118.25 and 70.25 mg/kg respectively. However, there was no statistical difference between the new leaf flushing of longan trees. All mulching methods resulted in average period of new leaf flushing was 26.96 days after pruning and percentage of new leaf flushing was 95.31%.
Experiment 2, the study on comparing various methods of weed control which consisted of 6 treatments as follow : 1) no weeding, 2) mulching with anti-root plastic, 3) mowing, 4) sprayed with Basta® X, 5) sprayed with glyphosate and 6) sprayed with 2 chemicals combination (Basta® plus Alion®). The results showed that number of weeding time in anti-root plastic and spraying with Basta® plus Alion® combination were only 1-2 times. Spraying with Basta® plus Alion® combination use only 2.39 minutes for total weeding, which was significantly less than other treatments. The cost per tree of weeding with spraying Basta® was 70.27 baht, which was significantly higher than those of other methods. However, all methods of weeding did not affected on longan development. The average of percentage of new leaf flushing and the percentage of flowering were 98.00 and 99.58 percent, respectively and the average time for new leaf flushing was 24.57 days after prunning.
การศึกษาเพื่อควบคุมวัชพืชในแปลงลำไย ทดลองกับแปลงลำไยสาขาไม้ผล มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างเดือนสิงหาคม 2560 ถึงเดือนกรกฎาคม 2562 โดยแบ่งเป็น 2 การทดลองคือ การทดลองที่ 1 ศึกษาประสิทธิภาพการควบคุมวัชพืชโดยการคลุมดิน ประกอบด้วย 4 กรรมวิธีคือ ไม่คลุมดิน คลุมดินด้วยฟางข้าว แกลบดิบ และพลาสติกสานกำจัดวัชพืช พบว่าการคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืชสามารถควบคุมวัชพืชได้ดีกว่ากรรมวิธีอื่น เพราะไม่พบการเพิ่มขึ้นของวัชพืชตลอดระยะเวลาทำการทดลอง ขณะที่การคลุมดินด้วยแกลบดิบ ไม่คลุมดิน และคลุมดินด้วยฟางข้าว มีปริมาณน้ำหนักแห้งวัชพืชเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน และมีน้ำหนักแห้งสะสม 7 เดือนเท่ากับ 1,226.97 1,015.24 และ 874.87 กรัมต่อตารางเมตร ตามลำดับ การคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช ทำให้อุณหภูมิผิวดินมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 42.30 องศาเซลเซียส ซึ่งมีค่ามากกว่ากรรมวิธีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะที่อุณหภูมิที่ระดับความลึก 10 หรือ 30 เซนติเมตรมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย การคลุมดินทำให้มีความชื้นมากกว่าการไม่คลุมดิน โดยการคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช แกลบดิบ ฟางข้าว และไม่คลุมดิน มีค่าความชื้นดินเท่ากับ 5.54 4.61 3.73 1.92 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าหลังคลุมดิน 7 เดือน การคลุมดินด้วยฟางข้าว ทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์มีค่าเท่ากับ 214.00 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งแตกต่างจากกรรมวิธีอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะที่การไม่คลุมดินหรือการคลุมดินด้วยฟางข้าว หรือคลุมด้วยแกลบดิบ มีโพแทสเซียมในดินมากกว่าการคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช ซึ่งมีค่าเท่ากับ 143.25 156.25 118.25 และ 70.25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการแตกยอดใหม่ของต้นลำไยของแต่ละกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยลำไยในทุกสิ่งทดลองมีระยะเวลาแตกยอดใหม่หลังตัดแต่งกิ่งเป็นเวลาเฉลี่ย 26.96 วัน และมีเปอร์เซ็นต์การแตกยอดใหม่เฉลี่ย 95.31 เปอร์เซ็นต์ การทดลองที่ 2 เปรียบเทียบวิธีการควบคุมวัชพืช ประกอบไปด้วย 6 กรรมวิธีคือ 1) ไม่กำจัดวัชพืช 2) การคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช 3) การตัดหญ้า 4) การฉีดพ่นบาสต้า® เอ็กซ์ 5) การฉีดพ่นไกลโฟเสต และ 6) การฉีดพ่นสารเคมี 2 ชนิดร่วมกัน (บาสต้า® เอ็กซ์ ร่วมกับ เอไลออน®) พบว่าในหนึ่งฤดูการผลิตลำไย (จากตัดแต่งกิ่งถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต) การคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช และการฉีดพ่นบาสต้า® เอ็กซ์ ร่วมกับ เอไลออน® มีการกำจัดวัชพืชเพียง 1 และ 2 ครั้งตามลำดับ และการฉีดบาสต้า® เอ็กซ์ ร่วมกับ เอไลออน® ยังใช้เวลาในการกำจัดวัชพืชสะสม 2.39 นาที ซึ่งน้อยกว่ากรรมวิธีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และการฉีดพ่นบาสต้า® เอ็กซ์ มีต้นทุนการกำจัดวัชพืช 70.27 บาทต่อต้นต่อปี ซึ่งมากกว่ากรรมวิธีอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม การกำจัดวัชพืชแต่ละกรรมวิธีไม่ได้ทำให้พัฒนาการของลำไยแตกต่างกัน โดยเปอร์เซ็นต์การแตกยอด และเปอร์เซ็นต์การออกดอกมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 98.00 99.58 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ และระยะเวลาที่ใช้ในการแตกยอดเฉลี่ย 24.57 วัน
การศึกษาเพื่อควบคุมวัชพืชในแปลงลำไย ทดลองกับแปลงลำไยสาขาไม้ผล มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างเดือนสิงหาคม 2560 ถึงเดือนกรกฎาคม 2562 โดยแบ่งเป็น 2 การทดลองคือ การทดลองที่ 1 ศึกษาประสิทธิภาพการควบคุมวัชพืชโดยการคลุมดิน ประกอบด้วย 4 กรรมวิธีคือ ไม่คลุมดิน คลุมดินด้วยฟางข้าว แกลบดิบ และพลาสติกสานกำจัดวัชพืช พบว่าการคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืชสามารถควบคุมวัชพืชได้ดีกว่ากรรมวิธีอื่น เพราะไม่พบการเพิ่มขึ้นของวัชพืชตลอดระยะเวลาทำการทดลอง ขณะที่การคลุมดินด้วยแกลบดิบ ไม่คลุมดิน และคลุมดินด้วยฟางข้าว มีปริมาณน้ำหนักแห้งวัชพืชเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน และมีน้ำหนักแห้งสะสม 7 เดือนเท่ากับ 1,226.97 1,015.24 และ 874.87 กรัมต่อตารางเมตร ตามลำดับ การคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช ทำให้อุณหภูมิผิวดินมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 42.30 องศาเซลเซียส ซึ่งมีค่ามากกว่ากรรมวิธีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะที่อุณหภูมิที่ระดับความลึก 10 หรือ 30 เซนติเมตรมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย การคลุมดินทำให้มีความชื้นมากกว่าการไม่คลุมดิน โดยการคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช แกลบดิบ ฟางข้าว และไม่คลุมดิน มีค่าความชื้นดินเท่ากับ 5.54 4.61 3.73 1.92 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าหลังคลุมดิน 7 เดือน การคลุมดินด้วยฟางข้าว ทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์มีค่าเท่ากับ 214.00 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งแตกต่างจากกรรมวิธีอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะที่การไม่คลุมดินหรือการคลุมดินด้วยฟางข้าว หรือคลุมด้วยแกลบดิบ มีโพแทสเซียมในดินมากกว่าการคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช ซึ่งมีค่าเท่ากับ 143.25 156.25 118.25 และ 70.25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการแตกยอดใหม่ของต้นลำไยของแต่ละกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยลำไยในทุกสิ่งทดลองมีระยะเวลาแตกยอดใหม่หลังตัดแต่งกิ่งเป็นเวลาเฉลี่ย 26.96 วัน และมีเปอร์เซ็นต์การแตกยอดใหม่เฉลี่ย 95.31 เปอร์เซ็นต์ การทดลองที่ 2 เปรียบเทียบวิธีการควบคุมวัชพืช ประกอบไปด้วย 6 กรรมวิธีคือ 1) ไม่กำจัดวัชพืช 2) การคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช 3) การตัดหญ้า 4) การฉีดพ่นบาสต้า® เอ็กซ์ 5) การฉีดพ่นไกลโฟเสต และ 6) การฉีดพ่นสารเคมี 2 ชนิดร่วมกัน (บาสต้า® เอ็กซ์ ร่วมกับ เอไลออน®) พบว่าในหนึ่งฤดูการผลิตลำไย (จากตัดแต่งกิ่งถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต) การคลุมดินด้วยพลาสติกสานกำจัดวัชพืช และการฉีดพ่นบาสต้า® เอ็กซ์ ร่วมกับ เอไลออน® มีการกำจัดวัชพืชเพียง 1 และ 2 ครั้งตามลำดับ และการฉีดบาสต้า® เอ็กซ์ ร่วมกับ เอไลออน® ยังใช้เวลาในการกำจัดวัชพืชสะสม 2.39 นาที ซึ่งน้อยกว่ากรรมวิธีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และการฉีดพ่นบาสต้า® เอ็กซ์ มีต้นทุนการกำจัดวัชพืช 70.27 บาทต่อต้นต่อปี ซึ่งมากกว่ากรรมวิธีอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม การกำจัดวัชพืชแต่ละกรรมวิธีไม่ได้ทำให้พัฒนาการของลำไยแตกต่างกัน โดยเปอร์เซ็นต์การแตกยอด และเปอร์เซ็นต์การออกดอกมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 98.00 99.58 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ และระยะเวลาที่ใช้ในการแตกยอดเฉลี่ย 24.57 วัน
Description
Master of Science (Master of Science (Horticulture))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พืชสวน))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พืชสวน))
Degree Name
Master of Science
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Discipline
Horticulture
พืชสวน
พืชสวน
Degree Grantor(s)
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
