Export
- Export APA
- Export BibTeX
- Export Ris
Publication: การปรับปรุงพันธุ์ดาวเรืองอเมริกัน (Tagetes Erecta L.) ประดับแปลง
0
0
Resource Type
Language
tha
File Type
application/pdf
Access Rights
Open Access
Rights
Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Maejo University
Suggested Citation
Jantima Chinnarad, จันทิมา ชินราด การปรับปรุงพันธุ์ดาวเรืองอเมริกัน (Tagetes Erecta L.) ประดับแปลง, Breeding For Bedding Of American Marigold (Tagetes Erecta L.). สืบค้นจาก: https://hdl.handle.net/20.500.14839/274
Research Projects
Organizational Units
Journal Issue
Author(s)
Creator(s)
Advisor(s)
Other Contributor(s)
Abstract
This study on breeding for bedding of American marigold (Tagetes erecta L.) were divided into 2 experiments. The first experiment was evaluated combining ability of the parental lines and identiying of flower durable life of F1 hybrid. The objectives of this research are to select parental lines with high general combining ability (GCA) and high specific combining ability (SCA) and to select F1 hybrid with durable flowers for vase life. In the second experiment Simple Sequence Repeat (SSR) marker analysis of parental lines was performed in order to study genetic relationship among the parental lines. Sixteen F1 hybrid lines from 4 female parental lines crossed with 4 male parental lines were grown in the field of Homeseeds Part., Ltd during wet season of 2017 and dry season of 2018. The results showed female parental line MG058 and male parental line M1 had the highest score of 5.00 for plant type and flower quality. F1 hybrid from cross between female parental line MG058 with male parental line M2 had the highest score of 5.67. Crosses between MG 047 and MG 058 with M1 had the highest score of 6.33 for flower quality. The highest score of the parental lines indicated the high value of GCA and SCA. The flower durable life of F1 hybrid was tested in laboratory at Maejo University in wet season of 2017 using split plot arrangement in Completely Randomized Design with 5 replications. Placing of flower into distilled water and without distilled water were assigned as main plot factor and twenty-two F1 hybrid varieties were assigned as sub plot factor. The result found that commercial F1 hybrid lines ‘Veena Yellow’ had the logest vase flower life at 12.60 days. while ‘Narai Orange’ and F1 hybrid No.2 showed the least broken pedicel at the average score 7.92 and 7.96. The F1 hybrid No. 8 had the least withered petal wilting score and disease infection at the average of 5.60 and 7.48, whereas the F1 hybrid No. 7 had the highest flower weight lost at average of 3.52 % and F1 hybrid No.4 showed the lowest flower weight lost at 1.86 %. There was a positive correlation among the vase life of flower withered petal and disease infection of flower.
Genetic relationship of 4 female parental lines and 4 male parental lines of American marigold was studied using SSR markers. A total of 58 alleles were detected from 31 polymorphic SSR loci. The mean alleles were 1.87/marker. Genetic similarity matrix evaluated using dice coefficient ranged from 0.62 to 0.97. Genetic relationship among 8 parental lines evaluated by Unweighted Pair Group Method of Arithmetic Means (UPGMA) showed 8 parental lines of American Marigold divided into two major clusters at the genetic similarity coefficient of 0.62. The results showed that grouping of the parental lines were associated with single flower type and double flower type. The genetically background obtained in this study will be useful for American marigold breeding program.
การศึกษาการปรับปรุงพันธุ์ดาวเรืองอเมริกันประดับแปลง แบ่งออกเป็น 2 การทดลอง การทดลองที่ 1 ศึกษาสมรรถนะการผสมของสายพันธุ์พ่อแม่ และการจำแนกความคงทนอายุการปักแจกันของดอกดาวเรืองลูกผสมชั่วที่ 1 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์พ่อแม่ที่มีสมรรถนะในการรวมตัวทั่วไปสูง (GCA) และสมรรถนะในการรวมตัวเฉพาะสูง (SCA) รวมถึงคัดเลือกสายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 ที่มีความคงทนในการปักแจกัน การทดลองที่ 2 จัดกลุ่มพันธุกรรมของสายพันธุ์พ่อแม่โดยอาศัยเครื่องหมายดีเอ็นเอแบบเอสเอสอาร์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างสายพันธุ์พ่อแม่ จากการผสมสายพันธุ์แม่ 4 สายพันธุ์กับสายพันธุ์พ่อ 4 สายพันธุ์ ได้ลูกผสมชั่วที่ 1 จำนวน 16 สายพันธุ์ ทำการปลูกทดสอบในแปลงทดลองของห้างหุ้นส่วนจำกัดโฮมซีดส์ ในช่วงฤดูฝน ปี 2559 และฤดูหนาว ปี 2560 พบว่า ดาวเรืองสายพันธุ์แม่ MG058 และดาวเรืองสายพันธุ์พ่อ M1 มีลักษณะทรงต้นและคุณภาพดอกดีที่สุด มีคะแนนสูงสุด 5.00 แต่ลูกผสมชั่วที่ 1 ที่เกิดจากดาวเรืองสายพันธุ์แม่ MG058 กับดาวเรืองสายพันธุ์พ่อ M2 มีคะแนนสูงสุด 5.67 ในลักษณะทรงต้น คู่ผสมดาวเรืองสายพันธุ์แม่ MG047 และ MG058 กับดาวเรืองสายพันธุ์พ่อ M1 มีคะแนนคุณภาพดอกดีที่สุด 6.33 จากคะแนนการประเมินที่สูงสุดของสายพันธุ์พ่อแม่ชี้ให้เห็นว่าที่มีสมรรถนะในการรวมตัวทั่วไป และสมรรถนะในการรวมตัวเฉพาะมีค่าสูง การจำแนกความคงทนอายุการปักแจกันของดอกดาวเรืองสายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 ทดสอบในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในช่วงฤดูฝน ปี 2560 จัดสิ่งทดลองแบบ Split-plot in CRD จำนวน 5 ซ้ำ ใช้การปักดอกในน้ำกลั่น และปราศจากน้ำกลั่นเป็นปัจจัยหลัก ใช้ดาวเรืองลูกผสมชั่วที่ 1 จำนวน 22 สายพันธุ์ เป็นปัจจัยย่อย พบว่า ดาวเรืองสายพันธุ์การค้าวีนาเยลโล่ มีอายุการปักแจกันยาวนานที่สุดเฉลี่ย 12.60 วัน สายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 2 และดาวเรืองสายพันธุ์การค้านารายณ์ สีส้ม มีการหักของก้านคอดอกน้อยที่สุด มีคะแนนเฉลี่ย 7.92 และ 7.96 สายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 8 มีการเหี่ยวของกลีบดอก และการเกิดโรคน้อยที่สุด มีคะแนนเฉลี่ย 5.76 และ 7.48 สายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 7 มีอัตราการสูญเสียน้ำหนักสดมากที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 3.52 และสายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 4 มีอัตราการสูญเสียน้ำหนักสดน้อยที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 1.86 พบสหสัมพันธ์ทางบวกระหว่างอายุการปักแจกันกับความเหี่ยวของกลีบดอก และการเกิดโรค การศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของดาวเรืองสายพันธุ์แม่ 4 สายพันธุ์และสายพันธุ์พ่อ 4 สายพันธุ์ โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอแบบเอสเอสอาร์ พบอัลลีลทั้งหมด 58 อัลลีล จากเครื่องหมายที่แสดงความแตกต่างกัน 31 ตำแหน่ง เฉลี่ย 1.87 อัลลีลต่อเครื่องหมาย มีค่าดัชนีความเหมือนโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์ของ dice อยู่ที่ 0.62 - 0.97 การประเมินความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างสายพันธุ์พ่อแม่ จำนวน 8 สายพันธุ์ โดยวิธี UPGMA พบว่า สามารถจัดกลุ่มดาวเรืองสายพันธุ์พ่อแม่ออกเป็น 2 กลุ่มหลักที่มีค่าสัมประสิทธิ์ความเหมือน 0.62 จากผลการจัดกลุ่มของสายพันธุ์พ่อแม่แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับลักษณะดอกชั้นเดียวและลักษณะดอกซ้อน จากพื้นฐานทางพันธุกรรมที่ได้จากการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการปรับปรุงพันธุ์ดาวเรืองอเมริกันต่อไป
การศึกษาการปรับปรุงพันธุ์ดาวเรืองอเมริกันประดับแปลง แบ่งออกเป็น 2 การทดลอง การทดลองที่ 1 ศึกษาสมรรถนะการผสมของสายพันธุ์พ่อแม่ และการจำแนกความคงทนอายุการปักแจกันของดอกดาวเรืองลูกผสมชั่วที่ 1 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์พ่อแม่ที่มีสมรรถนะในการรวมตัวทั่วไปสูง (GCA) และสมรรถนะในการรวมตัวเฉพาะสูง (SCA) รวมถึงคัดเลือกสายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 ที่มีความคงทนในการปักแจกัน การทดลองที่ 2 จัดกลุ่มพันธุกรรมของสายพันธุ์พ่อแม่โดยอาศัยเครื่องหมายดีเอ็นเอแบบเอสเอสอาร์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างสายพันธุ์พ่อแม่ จากการผสมสายพันธุ์แม่ 4 สายพันธุ์กับสายพันธุ์พ่อ 4 สายพันธุ์ ได้ลูกผสมชั่วที่ 1 จำนวน 16 สายพันธุ์ ทำการปลูกทดสอบในแปลงทดลองของห้างหุ้นส่วนจำกัดโฮมซีดส์ ในช่วงฤดูฝน ปี 2559 และฤดูหนาว ปี 2560 พบว่า ดาวเรืองสายพันธุ์แม่ MG058 และดาวเรืองสายพันธุ์พ่อ M1 มีลักษณะทรงต้นและคุณภาพดอกดีที่สุด มีคะแนนสูงสุด 5.00 แต่ลูกผสมชั่วที่ 1 ที่เกิดจากดาวเรืองสายพันธุ์แม่ MG058 กับดาวเรืองสายพันธุ์พ่อ M2 มีคะแนนสูงสุด 5.67 ในลักษณะทรงต้น คู่ผสมดาวเรืองสายพันธุ์แม่ MG047 และ MG058 กับดาวเรืองสายพันธุ์พ่อ M1 มีคะแนนคุณภาพดอกดีที่สุด 6.33 จากคะแนนการประเมินที่สูงสุดของสายพันธุ์พ่อแม่ชี้ให้เห็นว่าที่มีสมรรถนะในการรวมตัวทั่วไป และสมรรถนะในการรวมตัวเฉพาะมีค่าสูง การจำแนกความคงทนอายุการปักแจกันของดอกดาวเรืองสายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 ทดสอบในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในช่วงฤดูฝน ปี 2560 จัดสิ่งทดลองแบบ Split-plot in CRD จำนวน 5 ซ้ำ ใช้การปักดอกในน้ำกลั่น และปราศจากน้ำกลั่นเป็นปัจจัยหลัก ใช้ดาวเรืองลูกผสมชั่วที่ 1 จำนวน 22 สายพันธุ์ เป็นปัจจัยย่อย พบว่า ดาวเรืองสายพันธุ์การค้าวีนาเยลโล่ มีอายุการปักแจกันยาวนานที่สุดเฉลี่ย 12.60 วัน สายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 2 และดาวเรืองสายพันธุ์การค้านารายณ์ สีส้ม มีการหักของก้านคอดอกน้อยที่สุด มีคะแนนเฉลี่ย 7.92 และ 7.96 สายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 8 มีการเหี่ยวของกลีบดอก และการเกิดโรคน้อยที่สุด มีคะแนนเฉลี่ย 5.76 และ 7.48 สายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 7 มีอัตราการสูญเสียน้ำหนักสดมากที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 3.52 และสายพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 No. 4 มีอัตราการสูญเสียน้ำหนักสดน้อยที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 1.86 พบสหสัมพันธ์ทางบวกระหว่างอายุการปักแจกันกับความเหี่ยวของกลีบดอก และการเกิดโรค การศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของดาวเรืองสายพันธุ์แม่ 4 สายพันธุ์และสายพันธุ์พ่อ 4 สายพันธุ์ โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอแบบเอสเอสอาร์ พบอัลลีลทั้งหมด 58 อัลลีล จากเครื่องหมายที่แสดงความแตกต่างกัน 31 ตำแหน่ง เฉลี่ย 1.87 อัลลีลต่อเครื่องหมาย มีค่าดัชนีความเหมือนโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์ของ dice อยู่ที่ 0.62 - 0.97 การประเมินความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างสายพันธุ์พ่อแม่ จำนวน 8 สายพันธุ์ โดยวิธี UPGMA พบว่า สามารถจัดกลุ่มดาวเรืองสายพันธุ์พ่อแม่ออกเป็น 2 กลุ่มหลักที่มีค่าสัมประสิทธิ์ความเหมือน 0.62 จากผลการจัดกลุ่มของสายพันธุ์พ่อแม่แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับลักษณะดอกชั้นเดียวและลักษณะดอกซ้อน จากพื้นฐานทางพันธุกรรมที่ได้จากการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการปรับปรุงพันธุ์ดาวเรืองอเมริกันต่อไป
Description
Master of Science (Master of Science (Horticulture))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พืชสวน))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พืชสวน))
Degree Name
Master of Science
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Discipline
Horticulture
พืชสวน
พืชสวน
Degree Grantor(s)
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
