Export
- Export APA
- Export BibTeX
- Export Ris
Publication: การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนในการปลูกข้าว 3 วิธีการ
0
0
Issued Date
Resource Type
Language
tha
File Type
application/pdf
Access Rights
Open Access
Rights
Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Maejo University
Suggested Citation
Viengphachanh Bandansouk, Viengphachanh Bandansouk (2563). การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนในการปลูกข้าว 3 วิธีการ , Break-Even Analysis On 3 Methods Of Rice Farmings . สืบค้นจาก: https://hdl.handle.net/20.500.14839/273
Research Projects
Organizational Units
Journal Issue
Creator(s)
Advisor(s)
Other Contributor(s)
Abstract
The break-even analysis is a method that farmers can apply in making decisions on a future profit, production price, and marketing plan. The objective of this study was to compare growth, yield, cost-benefit, and break-even output price and yield of “Sanpatong1”under three different rice farming methods. (broadcasting, parachuting and transplanting). The farming area was at Irrigation Water Management Research Station 1 in Mae Tang district, Chiang Mai province. The experimental design was arranged as a randomized complete block design (RCBD) with three blocks. The result showed that plant height, tiller number per plant, yield components, and yield were significantly different (p>0.05). Analyses of break-even point showed that broadcasting method had the lowest break-even output yield and price at 443.70 kg/rai and 4.64 baht/kg output yield, respectively. Parachuting's output yield and price were at 501.70 kg/rai and 4.75 baht/kg, respectively. Transplanting showed the highest output yield and price at 511.10 kg/rai and 5.62 baht/kg, respectively. However, these were much lower than those of two rice farmer groups from a survey. A group of land owners had break-even output yield and price slightly lower than another group (land owner with rented fields) at 745.34 kg/rai and 8.11 baht/kg, compare to 792.67 kg/rai and 8.52 baht/kg, respectively.
Keywords: cost-benefit, break-even point, rice farming
การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนเป็นวิธีการที่เกษตรกรสามารถช่วยใช้ในการตัดสินใจ ในการวางแผนกำไรล่วงหน้า เพื่อตั้งราคาขายผลผลิต และการวางแผนการตลาด การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโต การให้ผลผลิต ต้นทุนผลตอบแทน และวิเคราะห์จุดคุ้มทุน ของการปลูกข้าว 3 วิธีการ ได้แก่ วิธีการปลูกแบบนาดำ นาหว่าน และนาโยน ดำเนินการทดลองที่สถานีทดลองการใช้น้ำชลประทานที่ 1 อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ วางแผนทดลองแบบ Randomized Complete Block Design (RCBD) มี 3 ซ้ำ จากการทดสอบข้าวพันธุ์สันป่าตอง 1 ผลการทดลองพบว่า การเจริญเติบโตด้านความสูง การแตกกอ องค์ประกอบผลผลิตและผลผลิต ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) เมื่อวิเคราะห์จุดคุ้มทุน พบว่า วิธีปลูกแบบนาหว่านมีจุดคุ้มทุนต่ำที่สุด โดยมีระดับผลผลิตคุ้มทุนเท่ากับ 443.70 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 4.64 บาทต่อกิโลกรัม รองลงมาคือวิธีการแบบนาโยนมีระดับผลผลิตคุ้มทุนเท่ากับ 501.70 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 4.75 บาทต่อกิโลกรัม และวิธีการปลูกแบบนาดำมีจุดคุ้มทุนสูงที่สุด โดยมีระดับผลผลิตคุ้มทุน 551.10 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุนเท่ากับ 5.62 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่วิธีการปลูกข้าวแบบนาดำของเกษตรกร 2 กลุ่ม มีจุดคุ้มทุนสูงกว่าการปลูกข้าวนาทดลอง (นาดำ) โดยกลุ่มเกษตรกรเป็นเจ้าของที่นามีจุดคุ้มทุนในระดับผลผลิตเท่ากับ 745.34 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 8.11 บาทต่อกิโลกรัม และเกษตรกรเป็นเจ้าของที่นาและเช่าที่นาเพิ่ม มีจุดคุ้มทุนในระดับผลผลิตเท่ากับ 792.67 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 8.52 บาทต่อกิโลกรัม คำสำคัญ: ต้นทุน ผลตอบแทน จุดคุ้มทุน การปลูกข้าว
การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนเป็นวิธีการที่เกษตรกรสามารถช่วยใช้ในการตัดสินใจ ในการวางแผนกำไรล่วงหน้า เพื่อตั้งราคาขายผลผลิต และการวางแผนการตลาด การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโต การให้ผลผลิต ต้นทุนผลตอบแทน และวิเคราะห์จุดคุ้มทุน ของการปลูกข้าว 3 วิธีการ ได้แก่ วิธีการปลูกแบบนาดำ นาหว่าน และนาโยน ดำเนินการทดลองที่สถานีทดลองการใช้น้ำชลประทานที่ 1 อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ วางแผนทดลองแบบ Randomized Complete Block Design (RCBD) มี 3 ซ้ำ จากการทดสอบข้าวพันธุ์สันป่าตอง 1 ผลการทดลองพบว่า การเจริญเติบโตด้านความสูง การแตกกอ องค์ประกอบผลผลิตและผลผลิต ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) เมื่อวิเคราะห์จุดคุ้มทุน พบว่า วิธีปลูกแบบนาหว่านมีจุดคุ้มทุนต่ำที่สุด โดยมีระดับผลผลิตคุ้มทุนเท่ากับ 443.70 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 4.64 บาทต่อกิโลกรัม รองลงมาคือวิธีการแบบนาโยนมีระดับผลผลิตคุ้มทุนเท่ากับ 501.70 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 4.75 บาทต่อกิโลกรัม และวิธีการปลูกแบบนาดำมีจุดคุ้มทุนสูงที่สุด โดยมีระดับผลผลิตคุ้มทุน 551.10 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุนเท่ากับ 5.62 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่วิธีการปลูกข้าวแบบนาดำของเกษตรกร 2 กลุ่ม มีจุดคุ้มทุนสูงกว่าการปลูกข้าวนาทดลอง (นาดำ) โดยกลุ่มเกษตรกรเป็นเจ้าของที่นามีจุดคุ้มทุนในระดับผลผลิตเท่ากับ 745.34 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 8.11 บาทต่อกิโลกรัม และเกษตรกรเป็นเจ้าของที่นาและเช่าที่นาเพิ่ม มีจุดคุ้มทุนในระดับผลผลิตเท่ากับ 792.67 กิโลกรัมต่อไร่ ระดับราคาขายคุ้มทุน 8.52 บาทต่อกิโลกรัม คำสำคัญ: ต้นทุน ผลตอบแทน จุดคุ้มทุน การปลูกข้าว
Description
Master of Science (Master of Science (Agronomy ))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พืชไร่))
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พืชไร่))
Degree Name
Master of Science
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Discipline
Agronomy
พืชไร่
พืชไร่
Degree Grantor(s)
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
