ประสิทธิภาพการควบคุมภายในของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5

Abstract

The purposes of this research were to find the levels of internal control components, and efficiency of internal control system, and to investigate the relationship between the internal control components and the efficiency of internal control system of schools under Chiang Mai Primary Educational Service in Area Office 5. The samples in the study were 192 administrators and the teachers who were responsible for the internal control system from 96 schools. They were selected by a purposive sampling method. A set of questionnaires was used as a research tool. The data were then analyzed by descriptive statistics, e.g., frequency counts, percentages, means, and standard deviations, as well as correlation coefficients and multiple regression analysis. The results of the research study were as follows: The levels of the components of internal control and the efficiency of the internal control system of the school in such an area were at high levels in both the overall and each aspect. The regression analysis results showed that the components of the internal control environment, control activities, information and communication, and monitoring and evaluation were positively associated with the efficiency of internal control and statistical significance at the level of 0.01. The results suggest that the school under Chiang Mai Primary Educational Service in Area Office 5 should give priority to the internal control system for risk assessment.

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการควบคุมภายใน ระดับประสิทธิภาพ การควบคุมภายใน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบการควบคุมภายในกับประสิทธิภาพ การควบคุมภายในของสถานศึกษาในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ สถานศึกษา จำนวน 96 แห่ง ผู้บริหาร และข้าราชการครู ที่มีหน้าที่รับผิดชอบระบบการควบคุมภายในของสถานศึกษา รวมทั้งหมดจำนวน 192 คน ใช้วิธี การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่า ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ การถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ระดับการควบคุมภายใน และประสิทธิภาพการควบคุม ภายในของสถานศึกษา อยู่ในระดับมากทั้งในภาพรวมและรายด้าน ผลการวิเคราะห์การถดถอย พบว่าองค์ประกอบการควบคุมภายในด้านสภาพแวดล้อมการควบคุม ด้านกิจกรรมควบคุม ด้าน สารสนเทศและการสื่อสาร และด้านการติดตามประเมินผล มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับประสิทธิภาพ การควบคุมภายในอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาคือ สถานศึกษาควรให้ความสำคัญกับระบบควบคุมภายในของสถานศึกษา ในด้านการประเมินความเสี่ยง